โทร : +66 95-517-1587
กังวล ทำฟัน แก้ปัญหาแบบไหนได้บ้าง ความกลัวในเรื่องทันตกรรม
Oral Sedation การรักษาทำหัตถการทางทันตกรรมภายใต้การให้ยาสงบ ผ่อนคลาย ที่โรงพยาบาลทันตกรรมกรุงเทพ BIDH มีบริการให้ทางเลือกการรักษาสำหรับผู้ที่มีความกลัว และกังวล ทำฟัน ในการทำการรักษาหรือทำหัตการทางทันตกรรม โดยใช้ยาทำให้สงบและคลายความกังวลแบบรับประทานซึ่งทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบาย คลายความกังวล ตลอดระยะเวลาการรักษา
สารบัญ Oral Seadation [คลิกอ่านตามหัวข้อ]
การรักษาโดยใช้ยา Oral Sedation แบบรับประทาน คลายความกังวล ทำฟัน
หากคุณมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำฟัน หรือกลัวหมอฟัน การใช้ยาคลายความกังวลเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษา เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ขณะที่รับการรักษา โดยคุณจะยังคงรู้สึกตัว สามารถตอบสนองต่อคำแนะนำของทันตแพทย์ได้
กังวล ทำฟัน ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำฟันหรือกลัวหมอฟัน การใช้ยาระงับความรู้สึกแบบรับประทานเพื่อให้คลายความกังวล เป็นทางเลือกหนึ่งของการใช้ยาระงับความรู้สึกที่ทันตแพทย์เป็นผู้สั่งให้การรักษา เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสงบ ผ่อนคลายความกังวลระหว่างรับการรักษา
ที่ศูนย์ศัลยกรรมช่องปากและรากฟันเทียม BIDH จะมีพยาบาลวิชาชีพ เป็นผู้ให้การดูแลผู้ป่วยระหว่างการให้ยาให้เกิดภาวะสงบตลอดจนสิ้นสุดกระบวนการรักษา ร่วมกับทีมทันตแพทย์และผู้ช่วยทันตแพทย์
- เป็นวิธีที่ปลอดภัยและพบผลข้างเคียงได้น้อย
- วิธีนี้ผู้ป่วยจะยังคงมีสติและสามารถตอบสนองกับทันตแพทย์ได้ แต่จะรู้สึกง่วงนอน สลึมสลือเล็กน้อย วิธีนี้สามารถใช้ร่วมกับการทำหัตการทางทันตกรรมหลายๆหัตถการได้ ยกเว้นการดมยาสลบซึ่งส่วนนมากจะใช้ในหัตการการรักษาทางด้านการผ่าตัดศัลยกรรม
ข้อจำกัดของการรักษาโดยใช้ยาคลายกังวล แบบรับประทาน (Oral Seadation)
- สำหรับการใช้ยาคลายกังวลแบบรับประทานร่วมการรักษานั้น ยาจะไม่ได้ออกฤทธิ์ในทันที อาจจะต้องใช้เป็นชั่วโมงหรือมากกว่านั้นก่อนที่คนไข้เริ่มจะรู้สึกสงบและผ่อนคลาย
- ระดับขนาดของยาที่จะให้มีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ที่ ซึ่งใช้จะมากน้อยต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายที่แตกต่างกัน
ขั้นตอนการรักษา-ทำหัตการทางทันตกรรมร่วมกับการรับประทานยาคลายความกังวล
หากคุณมีความกังวลในการรักษาทางทันตกรรม คุณสามารถแจ้งทันตแพทย์เพื่อแนะนำแนวทางในการเลือกการรักษาโดยใช้ยาคลายกังวลร่วมด้วยได้ โดยการรักษาจะอยู่ภายใต้การดูแลของทีมทันตแพทย์ วิสัญญีแพทย์ และทีมพยาบาล ผู้ผ่านการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาภายใต้การใช้ยาคลายกังวล ทำฟันมาแล้วจำนวนมาก
1. การประเมิน และการเตรียมตัวก่อนการรักษา
ก่อนเริ่มการรักษาโดยใช้ยาคลายกังวล ทันตแพทย์ พยาบาลหรือวิสัญญีแพทย์จะต้องทำการซักประวัติและประเมินสุขภาพของคนไข้ก่อนเสมอ แล้วเมื่อผลการตรวจเป็นปกติทันตแพทย์จึงจะสั่งยาและอธิบายถึงขั้นตอนการรับประทานยาคลายกังวลนั้น
2. การเตรียมคนไข้
สำหรับการรักษาโดยใช้ยาคลายกังวลร่วมด้วย ผู้ป่วยควรมาถึงโรงพยาบาลล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่ง ชั่วโมงเพื่อรับประทานยาก่อนการรักษา หลังจากรับประทานยาโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์ หรือหากตามแผนการรักษาจำเป็นต้องรับประทานยาก่อนมาถึงโรงพยาบาล ควรมีญาติพามาส่งที่โรงพยาบาลด้วย เนื่องจากอยู่ระหว่างที่ยากำลังออกฤทธิ์อาจทำให้ง่วงนอน สลึมสลือได้
3. การดูแลระหว่างการทำหัตถการ
หลังจากรับประทานยาและเมื่อยาออกฤทธิ์แล้วการรักษาทางทันตกรรมจึงจะเริ่มขึ้น พยาบาลวิชาชีพจะอยู่ในห้องตรวจพร้อมกับทันตแพทย์ เป็นผู้ช่วยให้การดูแล ติดตาม ตวจสอบสอบสัญญาณชีพต่างๆ อัตราการหายใจ ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ และระดับของออกซิเจนในร่างกาย ทุก 15-30 นาที จนเสร็จสิ้นการรักษาและสัญญาณชีพปกติ
4. การดูแลหลังเสร็จสิ้นการรักษา
หลังเสร็จสิ้นการรักษาทางทันตกรรม พยาบาลจะเป็นผู้ประเมินอาการผู้ป่วยในด้านการรู้สึกตัว ตื่น การรับรู้ที่ปกติ ก่อนที่จะทำการจำหน่ายผู้ป่วยกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
การพักฟื้นหลังการรักษาจากการได้รับยาคลายกังวล
ยาที่ได้รับเข้าไปจะหมดฤทธิ์ และร่างกายจะขับออกให้หมดนั้นต้องใช้ระยะเวลาเท่าไร
สำหรับการทำทันตกรรมที่มีการใช้ยาคลายกังวล ทำฟัน จะมีช่วงเวลาพักฟื้นหลังทำการรักษาเสร็จประมาณ 20-30 นาทีก่อนที่ผู้ป่วยจะได้รับการจำหน่ายกลับบ้านพร้อมกับญาติ ยาที่ได้รับจะค่อยๆถูกกำจัดออกและหมดฤทธิ์ไปเรื่อยๆจนหมดภายใน 24 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือผู้ป่วยไม่ควรขับยานพาหนะ หรือทำการตัดสินใจเรื่องที่สำคัญหลังทำการรักษาเสร็จด้วยตนเองในระยะนี้
ผลข้างเคียงของการได้รับยาคลายกังวล คืออะไร?
ผลข้างเคียงของการรับประทานยาคลายกังวล ทำฟันอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย มักไม่รุนแรง แต่อาจะมีอาการดังนี้ :
- ง่วงซึมหรือสับสน
- ปากแห้ง
- คลื่นไส้หรืออาเจียน
- ปวดศีรษะ
- การลืมหรือสูญเสียความจำบางส่วน
คลินิกทันตกรรม BIDH ทำฟันโดยไร้ความเจ็บปวด
ทำไมคุณควรเลือกทำทันตกรรมโดยใช้ยาระงับความรู้สึกกับโรงพยาบาล BIDH?
มาตรฐานความปลอดภัยของผู้ป่วยในโรงพยาบาล
ทันตกรรมโดยการใช้ยาระงับความรู้สึกของโรงพยาบาล BIDH มั่นใจได้ในความปลอดภัยของผู้ป่วย เนื่องจากโรงพยาบาลทันตกรรม BIDH เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรฐานในเรื่องของการทำปราศจากเชื้อและการรักษาจึงเด่นกว่าคลินิกทันตกรรมทั่วไป เราปฏิบัติตามเป้าหมายด้านความปลอดภัยของผู้ป่วยที่ยึดมาตรฐานในระดับสากลและเรามีทีมงานคุณภาพที่จัดการฝึกอบรมและตรวจสอบคุณภาพตัวชี้วัดการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อเป็นพิเศษ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยของเราได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ
การดมยาสลบโรงพยาบาลเรายึดขั้นตอนหรือกระบวนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับการรักษาที่ปลอดภัย มีมาตรฐานความปลอดภัยของผู้ให้บริการทางการแพทย์และมีคุณสมบัติตามใบอนุญาตที่ถูกต้อง
วิสัญญีแพทย์และพยาบาลวิชาชีพ
โรงพยาบาลทันตกรรม BIDH มีความภาคภูมิใจเนื่องจากเรามีทีมทันตกรรมชั้นนำ ทันตแพทย์ แพทย์และพยาบาลที่มีใบอนุญาตและมีประสบการณ์เชี่ยวชาญ วิสัญญีแพทย์ของเราได้รับใบอนุญาตและพยาบาลวิชาชีพสามารถให้คำแนะนำในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินได้
ศัลยแพทย์ทางช่องปากและทันตแพทย์ทางด้านรากฟันเทียมของโรงพยาบาลทันตกรรม BIDH มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ซึ่งหลายท่านเป็นวิทยากรจากต่างประเทศและเป็น วิทยากรในประเทศไทยด้านทันตกรรมในสาขาเฉพาะทาง
ห้องผ่าตัดที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับทันตกรรมและการผ่าตัดช่องปาก
โรงพยาบาลทันตกรรม BIDH ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษครบครันสำหรับการทำฟันและการผ่าตัดช่องปาก เราปฏิบัติตามมาตรฐานของโรงพยาบาลในเรื่องความสะอาด การฆ่าเชื้อและมีอุปกรณ์ครบครันสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินโดยพยาบาลที่ผ่านฝึกอบรม ACLS
ในฐานะโรงพยาบาล เรามุ่งเน้นในการดูแลรักษาเฉพาะทางด้านทันตกรรม คือความเป็นเลิศด้านทันตกรรม โรงพยาบาล BIDH ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเครือข่ายทันตกรรมที่ใหญ่ที่สุดและได้รับรางวัลของประเทศไทย ที่รวบรวมองค์ความรู้ในภาคทันตกรรมและทรัพยากรชั้นนำเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด
ศูนย์ทันตกรรมแบบครบวงจร
โรงพยาบาลของเรามีการให้บริการด้านการดมยาสลบทางด้านทันตกรรรม ศัลยกรรมทางช่องปาก ศูนย์ฝังรากเทียม ซึ่งรวบรวมอยู่ในโรงพยาบาลแหล่งนี้ พวกเราให้บริการทางทันตกรรมแบบครบวงจร
โรงพยาบาลทันตกรรม BIDH มีห้องปฏิบัติการทันตกรรมเซรามิกในโรงพยาบาลของเรา ระยะเวลาการรักษาในการรอคอยชิ้นงานหรือในการทำหัตถการใช้ระยะเวลาไม่นาน ในการบูรณะฟันของคุณ ซึ่งสามารถทำชิ้นงานและจัดส่งให้คุณได้โดยไม่ต้องรอคิว ไม่ว่าจะเป็นการรักษาทางทันตกรรมศัลยกรรม เราบริการผู้ป่วยของเราอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่ความสามารถของเราจะทำได้
เราให้คำปรึกษาฟรี!
สามารถทำการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อเข้ามาปรึกษาหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ยาระงับความรู้สึกในระดับลึก หรือการดมยาสลบ หรือวิธีการแบบอื่นสำหรับการทำทันตกรรมแบบไร้ความเจ็บปวดว่าเหมาะสมกับตนเองหรือไม่
สรุป
การรักษาทำหัตถการทางทันตกรรม โดยการให้ยาทำให้สงบ คลายความกังวล ทำฟัน แบบรับประทาน (Oral Sedation) การใช้ยาคลายกังวลเป็นทางเลือกที่ง่ายและเสียค่าใช้จ่ายน้อยสำหรับผู้ป่วยที่มีความกังวลหรือกลัวการรักษาทางทันตกรรม ซึ่งจะแตกต่างจากการดมยาสลบและการระงับความรู้สึกทางหลอดเลือดดำที่จะมีความแรงของการยาระดับที่ลึกมากกว่า การรับประทานยาคลายกังวลเป็นวิธีการที่ง่ายไม่ซับซ้อนใช้กับการรักษาหรือหัตถการทางทันตกรรมหลายๆครั้งได้
ทันตแพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมในการรักษาโดยการให้ยาทำให้สงบและจะเป็นผู้สั่งยาคลายกังวลแบบรับประทานร่วมกับการรักษาทางทันตกรรม ซึ่งการรักษาหรือการทำหัตการร่วมกับการให้ยาคลายกังวลสามารถทำการรักษาภายในห้องทันตกรรมได้ตามปกติ
โรงพยาบาลทันตกรรม BIDH เป็นผู้นำทางโรงพยาบาลทันตกรรมเฉพาะทางช่องปากและรากฟันเทียมของประเทศไทย มีศูนย์ทันตกรรมแห่งประเทศไทย ที่ให้บริการทางทันตกรรมเพื่อระงับความรู้สึกที่เหมาะสำหรับการรักษาทางทันตกรรมทั่วไปได้ รวมถึงการรักษาด้วยการผ่าตัดศัลยกรรมช่องปาก การฝังรากฟันเทียม ทันตกรรมเพื่อความสวยงาม และทันตกรรมสำหรับเด็ก
วิธีการให้ยาระงับความรู้สึก เพื่อการตรวจรักษาหรือทำหัตถการทางทันตกรรม
โรงพยาบาลทันตกรรม BIDH มีศูนย์การให้บริการทางด้านการรักษาและทำหัตถการทางทันตกรรมภายใต้การใช้ยาระงับความรู้สึก /ดมยาสสบ
การระงับความรู้สึกระดับเล็กน้อย
(Minimal Sedation/ Anxiolysis)
การให้ยาด้วยวิธีรับประทาน เป็นระดับการใช้ยาที่ผู้ป่วยยังสามารถตอบสนองต่อคำสั่งทางวาจาได้ตามปกติอยู่ในภาวะที่ผ่อนคลาย
การระงับความรู้สึกระดับปานกลาง
(Moderate Sedation /Conscious Sedation)
การฉีดยาระงับความรู้สึกทางทางหลอดเลือดดำเพื่อลดระดับความรู้สึกตัว โดยผู้ป่วยยังคงตอบสนองต่อสิ่งเร้าและคำสั่งได้ดีสั่งทางวาจาอย่างมีความหมาย
การระงับความรู้สึกระดับลึก หรือดมยาสลบ
(Deep Sedation and General Anesthesia)
การใช้ยาลดระดับความรู้สึกตัวโดยผู้ป่วยเริ่มหมดสติไม่สามารถปลุกผู้ป่วยได้ และผู้ป่วยหมดความรับรู้ไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆ แม้จะก่อใหเ้กิดความเจ็บปวดก็ตาม
